Mizuki Shigeru Museum (水木しげる記念館)

ถ้าคุณถูกส่งไปรบที่ชายแดนสงครามแนวหน้าทั้งๆ ที่ถูกบรรจุมาในตำแหน่งนักดนตรีโยธวาทิต และสูญเสียแขนหนึ่งข้างจากสะเก็ดระเบิด บ้านที่อยู่อาศัยก็กำลังจะถูกยึดเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่า แถมอาหารก็ร่อยหรอ มีเพียงภรรยาที่รักคุณจริงอยู่ข้างกาย คุณจะยอมรับโชคชะตาหรือไม่ คุณจะทำอะไร และคุณจะอยู่ยังไง ? นั่นเป็นคำถามที่เราถามตัวเองเมื่ออ่านประวัติของอาจารย์มิสุกิ ชิเงรุ

อาจารย์ชิเงรุ มีชื่อจริงว่า ชิเงรุ มูระ เกิดที่เมืองซากาอิมินาโตะ ในสมัยครั้งยังเป็นเด็กอาจารย์ก็เหมือนเด็กทั่วไปที่วิ่งไล่จับกับเพื่อนในสนาม เลี้ยงหนูถีบจักร และไปโรงเรียนใกล้บ้าน แต่หนึ่งกิจกรรมอันโปรดปรานของเด็กน้อยก็คือ การไปบ้านยายนงนง คุณยายวัยชราที่ข้างบ้าน เพื่อฟังนิทานเกี่ยวกับภูติผีปีศาจต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ปิศาจชื่ออะไร อยู่ที่ไหน และทำอะไร คุณยายจะตั้งอกตั้งใจเล่าเสมอเมื่อชิเงรุน้อยแวะเวียนมาหา นี่เองกระมังคงเป็นเมล็ดพันธุ์เล็กๆ ที่เพาะปลูกขึ้นในใจของนักเขียนการ์ตูนสยองขวัญแนวปิศาจที่โด่งดังแห่งญี่ปุ่น “ยิ่งรู้มากแค่ไหนก็ยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นว่า ปิศาจมันคืออะไร เรื่องในสมัยเด็กจึงเหมือนไฟที่ไม่มีวันดับ” อาจารย์ชิเงรุกล่าว

เหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิตของอาจารย์เกิดขึ้นในปี 1942 อาจารย์ถูกส่งไปยังปาปัวนิกินี เพื่อเข้าร่วมกับกองทัพญี่ปุ่นทำสงครามโรคครั้งที่ 2 หลังจากรอดชีวิตจากมาลาเรีย ความโชคร้ายก็ยังไม่หมด อาจารย์ชิเงรุสูญเสียแขนข้างซ้ายจากสะเก็ดระเบิด แต่กระนั้นก็ได้รับความช่วยเหลือจากชนเผ่าพื้นเมืองของเกาะ เพราะความถ่อมตัว เปิดใจกว้างและเรียนรู้อยู่เสมอทำให้อาจารย์กลายเป็นสวนหนึ่งของชุมชนพื้นเมืองได้ไม่ยากเย็น แถมยังเป็นที่ชื่นชอบอีกด้วย หลังจากกลับสู่ประเทศญี่ปุ่นสภาพประเทศหลังสงครามในฐานะผู้แพ้ทำให้ชีวิตของอาจารย์ที่เป็นผู้พิการสูญเสียแขนยากลำบากมากขึ้น ว่ากันว่าอาหารบางมื้อก็ต้องงดไปเพราะไม่มีเงินซื้อกิน อาจารย์ผันตัวเองมาเป็นนักวาดการ์ตูน โดยใช้นามปากกาว่า “มิสุกิ ชิเงรุ” เทคนิควิธีการวาดการ์ตูนของอาจารย์จะไม่เหมือนใคร เนื่องจากสูญเสียแขนข้างหนึ่งที่ใช้ช่วยในการจับกระดาษและลงสี อาจารย์ใช้หน้าและไหล่ในการกดกระดาษให้อยู่กับที่แทน และใช้มือข้างที่เหลือวาดภาพลงสี ลายเส้นการ์ตูนของอาจารย์จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยากที่ใครจะเลียนแบบได้

และแล้วในปี 1959 ตัวการ์ตูน เด็กน้อยผู้ชายผมสไลด์ปิดตาข้างเดียวในชุดสีเหลืองสลับดำพร้อมรองเท้าเกี๊ยะพิเศษก็เกิดขึ้น หนูน้อยที่เกิดจากศพในสุสานพร้อมกับบิดาที่เน่าเปื่อยเหลือเพียงลูกตาท่องไปในโลกยามราตรีเป็นเพื่อนกับเด็กๆ และคอยปราบปิศาจชั่วร้าย (ฟังดูสยองดีไหมล่ะ) เขามีนามว่า “คิทาโร่”  การ์ตูนเรื่องนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่มีการรีเมค ทั้งวาดใหม่ และฉายใหม่ บ่อยอันดับต้นๆ

10 ปีหลังจากที่การ์ตูนเป็นที่รู้จักและโด่งดังจนเป็นอนิเมฉายทางทีวีแล้ว อาจารย์ชิเงรุก็เริ่มใช้ชีวิตในการท่องเที่ยวไปตามประเทศต่างๆ ในโลก ทั้งเพื่อไปเก็บข้อมูลของภูติผีต่าง และยังเป็นการเปิดหูเปิดตา และเปิดใจในการศึกษาวัฒนธรรมของชนชาติต่างๆ อีกด้วย จากแผนที่ในพิพิธภัณฑ์พบว่าอาจารย์ไปเที่ยวมาแล้ว 100 กว่าครั้ง 70 กว่าประเทศทั่วโลก! รูปถ่ายของอาจารย์ในพิพิธภัณฑ์ที่ยิ้มแย้มและบุกป่าฝ่าดงถึงไหนถึงกันและเข้ากันอย่างกลมกลืนกับคนพื้นที่ ทำให้เราประทับใจในตัวอาจารย์อย่างมาก ใครจะไปนึกว่า วันหนึ่งเด็กชายน้อยชิเงรุที่ต้องผ่านเคราะห์ร้าย ไม่ว่าจะเป็นติดเชื้อมาลาเรียเกือบเอาชีวิตไม่รอด และสูญเสียแขนซ้ายจากสงคราม จะกลายเป็นนักวาดการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่แห่งญี่ปุ่น กลายเป็นปูชณียบุคคลที่มากด้วยประสบการณ์ทั่วโลก หากยายนงนงยังคงอยู่ คุณยายคงจะต้องภูมิใจแน่ๆ ว่านิทานภูติพรายต่างๆ ที่ยายได้เล่าให้เด็กน้อยคนหนึ่งฟังจะกลายเป็นแรงบันดาลใจสร้างนักวาดการ์ตูนสำคัญคนหนึ่งของญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า “มิสุกิ ชิเงรุ” ได้

ภายในพิพิธภัณฑ์มิสุกิ ชิเงรุแห่งนี้ บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของอาจารย์ รวมไปถึงจัดแสดงภูติพรายต่างๆ ให้เราได้แอบดูกัน น่าเสียดายว่า คำบรรยายทั้งหมดยังเป็นภาษาญี่ปุ่น มีป้ายภาษาอังกฤษโผล่มาครั้งคราว เลยทำให้ไม่ได้อรรถรสเต็มที่ ส่วนโซนที่เป็นปิศาจไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปได้ สำหรับคนที่อยากรู้ประวัติของอาจารย์และอยากเห็นหน้าตาคุณยาย “นงนง” ผู้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่อาจารย์ ลองหาซื้อหนังสือชื่อ “ยายนงนงกับผม” ของ สนพ.คอมม์บางกอกมาอ่านดู การ์ตูนเรื่องนี้ได้รับรางวัลชนะเลิศการ์ตูนยอดเยี่ยม ในงาน Festival International de la Bande Dessinee ที่ประเทศฝรั่งเศสด้วยนะคะ

IMG_2645 IMG_2646 IMG_2647 IMG_2648 IMG_2649 IMG_2650 IMG_2653 IMG_2655 IMG_2658IMG_2659

รายละเอียด

เวลาที่ใช้ในการชม 30 นาที

ภาษา       : ญี่ปุ่น + อังกฤษ 30 %  (มีหูฟังบรรยายอังกฤษให้เช่าฟรี)

เวลาเปิด  : 9.30 am  -5.00 pm

Website : http://mizuki.sakaiminato.net/

ประเทศ/จังหวัด : ญีุ่ปุ่น (Japan) /ทตโตริ (Tottori Prefecture) / Sakaiminato City

สรุปใน 1 ประโยค : อยากรู้จักผีน้อยคิทาโร่มากกว่านี้ ต้องมาที่นี่เลย

สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์
Museum Backpacker ได้อนุญาตให้ใช้ภายใต้ สัญญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์แบบแสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ต้นฉบับ.
อยู่บนพื้นฐานของงานที่ https://museumbackpacker.wordpress.com/.

Leave a comment